หน้าผากแบน หน้าผากสั้นแคบ หน้าผากบุ๋ม หน้าผากไม่เรียบทำให้รวบผมไม่สวย ถือเป็นปัญหาคาใจของผู้หญิงหลายคน เพราะหน้าผากที่ขาดความโหนกนูนทำให้ใบหน้าไม่มีมิติ หน้าดูสั้นไม่ได้สัดส่วนจนทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัยกันเลยทีเดียว ถึงแม้ปัญหาเหล่านี้จะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราขาดความมั่นใจจนไม่อยากรวบผม ผู้หญิงหลายคนจึงเลือกหาทางออกด้วยการ เสริมหน้าผาก เพื่อให้หน้าผากโหนกโค้งนูนรับกับใบหน้ามากยิ่งขึ้น ทว่าในปัจจุบันการทำ ศัลยกรรมเสริมหน้าผาก มีให้เลือกหลายเทคนิคทั้งการเสริมหน้าผากด้วย ซิลิโคนเสริมหน้าผาก หรือการใช้สารเติมเต็มด้วยไขมันจากร่างกายหรือสารเติมเต็มฟิลเลอร์มาใช้สำหรับ ฉีดหน้าผาก ทีนี้เราควรเลือกเทคนิคไหนดีให้หน้าผากสวยถูกใจ ไม่ต้องแก้ วันนี้มาดูกันเลยค่ะ ว่าการเสริมหน้าผากแต่ละเทคนิคต่างกันอย่างไร แล้วเราควรเลือกศัลยกรรมเสริมหน้าผากแบบไหน? ให้เข้ากับใบหน้าของเรามากที่สุด

ในปัจจุบัน ศัลยกรรมเสริมหน้าผาก มีทั้งหมดกี่เทคนิค?

การเสริมหน้าผากอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละรูปหน้าของแต่ละบุคคลรวมถึงความต้องการของผู้รับบริการ โดยในปัจจุบันการเสริมหน้าผากที่นิยมกันในทางการแพทย์หลักๆ จะมีด้วยกันอยู่ 3 เทคนิค ก็คือ การเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคนทางการแพทย์, การเสริมหน้าผากด้วยการปลูกถ่ายไขมันจากร่างกาย และการเสริมหน้าผากด้วยการฉีดสารเต็มเติมฟิลเลอร์ ซึ่งการเสริมหน้าผากแต่ละเทคนิคจะมีความแตกต่างกันอย่างไรรวมถึงมีข้อจำกัดอะไรบ้างนั้น เรามาเริ่มเจาะลึกกันที่เทคนิคยอดนิยมที่ถูกเลือกเป็นอันดับต้นๆ อย่างการเสริมหน้าผากซิลิโคนกันค่ะ

“จบหน้าผากแคบ หน้าผากแบน เผยหน้าผากโค้งนูนดูเอิบอิ่มได้สัดส่วนงดงาม”

1. เสริมหน้าผาก ด้วยซิลิโคนทางการแพทย์

ปัจจุบันซิลิโคนทางการแพทย์สำหรับเสริมหน้าผาก ออกแบบให้มีความโค้งโหนกนูนของหน้าผากเลือกได้ตามความต้องการ ราคาถูก ให้ผลลัพธ์คงทนถาวรกว่าเทคนิคอื่นๆ ดูเป็นธรรมชาติ ตอบโจทย์คนที่ไม่ต้องการฉีดฟิลเลอร์หรือปลูกถ่ายไขมัน

เสริมหน้าผากด้วยซิลิโคนมีข้อดีดังนี้

  1. ซิลิโคนมีความคงรูปและคงทนถาวร
  2. ผิวหนังบริเวณที่ทำจะมีความเรียบ นูน สวย ไม่เป็นคลื่น
  3. รูปทรงมีความเป็นธรรมชาติ โค้งมนรับกับใบหน้า
  4. สัมผัสเป็นธรรมชาติ
  5. มีความปลอดภัยสูง ไม่ส่งผลกระทบต่อระบบประสาท โอกาสเกิดการแพ้มีน้อยมาก ได้รับการรับรองความปลอดภัยจาก FDA
  6. สามารถขูดสารเหลวหรือสิ่งแปลกปลอมบนหน้าออกได้ ในขั้นตอนการเสริมหน้าผากซิลิโคน

ข้อจำกัดของการเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคน

  1. เมื่อระยะเวลาผ่านไปนานอาจเห็นขอบซิลิโคน ในเคสที่เนื้อหน้าผากน้อย หรือการเลือกซิลิโคนเสริมหน้าผากที่ไม่เหมาะสมกับสรีระใบหน้า
  2. รูปลักษณ์ดูไม่เป็นธรรมชาติ ในกรณีเลือกความโหนกนูนของหน้าผากมากเกินไป
  3. เป็นจุดเสี่ยงแพทย์ต้องทำการเลาะเนื้อเยื่อบริเวณหน้าผาก ก่อนใส่ซิลิโคน ซึ่งต้องเสริมหน้าผากโดยศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

ซิลิโคนเสริมหน้าผาก มีทั้งหมดกี่แบบแต่ละแบบต่างกันอย่างไร?

ที่โรงพยาบาลศัลยกรรม SLC. มีซิลิโคนเสริมหน้าผากให้เลือก ถึง 3 แบบ ตามความเหมาะสมและความต้องการของผู้รับบริการ ได้แก่

  1. ซิลิโคนเสริมหน้าผากสำเร็จรูป
  2. ซิลิโคนเสริมหน้าผาก SLC Signature
  3. ซิลิโคนเสริมหน้าผากแบบหล่อ CT Scan (Customize)

ซึ่งแต่ละแบบมีจุดเด่นและแตกต่างกันอย่างไร ซิลิโคนแบบไหนใช่แบบที่คุณต้องการ เรามาดูข้อแตกต่างของซิลิโคนเสริมหน้าผากแต่ละแบบกันเลยค่ะ

Preformed Silicone หรือ ซิลิโคนเสริมหน้าผากสำเร็จรูป

ซิลิโคนเสริมหน้าผากสำเร็จรูป (Preformed Silicone) เป็นซิลิโคนสำเร็จรูปที่ได้รับการหล่อขึ้นรูปไว้เเล้วตามมาตรฐานทางการแพทย์ ซึ่งมี 3 ขนาด S M L ให้เลือกตามสรีระใบหน้า มีความกว้าง ยาวแตกต่างกัน สามารถเลือกความโค้งนูนได้ตามความต้องการ โดยก่อนเสริมซิลิโคนหน้าผากศัลยเเพทย์จะทำการวิเคราะห์ขนาดซิลิโคนที่ใกล้เคียงกับฐานหน้าผากเดิม ร่วมกับการใช้เทคนิคพิเศษตกเเต่งซิลิโคนเพื่อให้เหมาะสมกับสรีระใบหน้าของเเต่ละบุคคล เนื่องจากลักษณะของซิลิโคนถูกผลิตขึ้นเเบบสำเร็จรูป ซึ่งคิดตามค่าเฉลี่ยจากบุคคลส่วนมาก ทำให้ขนาดของซิลิโคนถูกจำกัด และไม่รองรับกับคนที่มีหน้าผากสูงหรือและคนที่มีหน้าผากกว้างกว่าปกติ

ซิลิโคนเสริมหน้าผาก สเปค SLC-Signature

ซิลิโคนเสริมหน้าผากสเปค SLC-Signature เป็นซิลิโคนที่แตกต่างจากซิลิโคนสำเร็จรูปทั่วไป โดยดีไซน์ของซิลิโคนสเปค SLC-Signature ถูกพัฒนาและออกแบบให้มี Spec พิเศษแบบ Special Type เพื่อรองรับการเสริมโครงหน้าผากเฉพาะบุคคล ที่หน้าผากมีความกว้าง สูง ต่ำ แคบ และสัดส่วนใบหน้าที่มีความจำเพาะ ตอบโจทย์ทุกสรีระใบหน้า รองรับโครงหน้าของคนเอเชียได้เป็นอย่างดีโดยไม่ต้องทำ CT Scan เพื่อหล่อซิลิโคนขึ้นมาใหม่ ซึ่งเกินความจำเป็นในกรณีที่หน้าผากไม่ได้มีความตะปุ่มตะป่ำหรือยุบผิดรูป

ซิลิโคนเสริมหน้าผาก แบบหล่อ CT-Scan

ซิลิโคนเสริมหน้าผากเเบบหล่อ CT-SCAN  (3D Customized Silicone Implant) เทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดด้วย CT-SCAN สามารถในการวิเคราะห์และตรวจสอบโครงสร้างใบหน้าได้อย่างถูกต้องเเม่นยำ ซึ่งซิลิโคนเสริมหน้าผากจะถูกออกเเบบมาจากโครงสร้างกระดูกและพื้นผิวหน้าผากโดยตรงของบุคคลนั้น สามารถรับกับใบหน้าได้ทุกรูปเเบบ และกำหนดความโค้งนูนของซิลิโคนได้ตามความต้องการ และตามความเหมาะสมกับใบหน้าของแต่ละบุคคล

ทั้งนี้การเสริมหน้าผาก เพื่อให้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ และมีสัดส่วนงดงาม มีความโค้งโหนกนูนรับกับสรีระใบหน้า ผู้รับบริการจะเลือกเทคนิคไหนนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละบุคคลร่วมกับการประเมินของศัลยแพทย์

2. เสริมหน้าผาก ด้วยการปลูกถ่ายไขมันจากร่างกาย

การปลูกถ่ายไขมัน หรือ Fat Transfer คือการ “ดูดไขมันส่วนเกิน” จากที่หนึ่งไปเติมเต็มยังจุดอื่นๆ เช่น หน้าผาก ขมับ ใต้ตา ร่องแก้ม รวมถึงเติมเต็มรอยแผลเป็นที่ยุบเป็นหลุม โดยการดูดไขมันส่วนเกินเพื่อนำไปปลูกถ่ายบริเวณอื่นนั้นมีหลักการคล้ายการปลูกถ่ายเนื้อเยื่อ ซึ่งศัลยแพทย์จะทำการดูดไขมันส่วนเกินอย่างนุ่มนวลโดยไม่ใช้ความร้อน เพื่อให้ได้เซลล์ไขมันดีที่แข็งแรงและมีชีวิต และนำมาคัดแยกเฉพาะเซลล์ไขมันที่ดีที่สุด สำหรับนำไปปลูกถ่ายยังจุดอื่นๆ ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

บริเวณที่มีไขมันส่วนเกิน

ศัลยแพทย์มักจะเลือกไขมันที่สะสมบริเวณหน้าท้อง ต้นขา ก้นหรือสะโพก มาใช้สำหรับการปลูกถ่ายไขมันสเต็มเซลล์ เพราะเป็นจุดที่มีไขมันส่วนเกินสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับศัลยแพทย์ประเมิน

ปั่นเพื่อคัดแยกเซลล์ไขมันที่ดีที่สุด

ไขมันที่ถูกดูดออกมาจะถูกนำไปปั่นแยกเลือดและน้ำเหลืองออกเพื่อคัดเซลล์ไขมันออกมาเท่านั้น ซึ่งเซลล์ไขมันที่ได้จะมีส่วนผสมของสเต็มเซลล์ สำหรับนำไปเตรียมฉีดบริเวณที่ต้องการเติมเต็ม

เซลล์ไขมันที่ดีที่สุด อุดมไปด้วยสเต็มเซลล์พร้อมที่จะนำไปปลูกถ่ายในจุดที่เหมาะสมแล้ว

ปืน Maft Gun อุปกรณ์เซฟชีวิตสเต็มเซลล์ไขมัน ช่วยให้การปลูกถ่ายไขมันดีขึ้น เติมเต็มไขมันลึกระดับเซลล์ ช่วยเพิ่มอัตราการติดของสเต็มเซลล์ไขมันมากกว่า 80% ได้อณูไขมันเล็กละเอียดถึง 3 ระดับ สเต็มเซลล์ไขมันกระจายตัวได้สม่ำเสมอในขนาดโมเลกุลที่เท่ากัน  ทำให้ไขมันติดดีขึ้น สามารถเติมเต็มได้แม้จุดบอบบางอย่างใต้ตา

ปลอดภัยไร้สิ่งแปลกปลอม

Fat Transfer หรือ ฉีดหน้าผาก ด้วยการปลูกถ่ายไขมันสเต็มเซลล์ เป็นเทคนิคที่มีความปลอดภัยสูง เพราะเป็นไขมันจากร่างกายจึงไม่เกิดปฏิกิริยาต่อต้าน ไม่มีสารตกค้างในร่างกาย นอกจากนี้ไขมันที่ปลูกถ่ายไปสามารถอยู่ในชั้นใต้ผิวได้ตลอด ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเอง และบริเวณที่ทำ ทั้งนี้การปลูกถ่ายไขมัน เพื่อปรับรูปหน้าให้สวยงามและปลอดภัยนั้นจะต้องทำโดยศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

SLC Lab Banking

สเต็มไขมันที่เหลือจากการปลูกถ่ายไขมันสามารถเก็บได้ถึง 1 ปี โดยสเต็มเซลล์ไขมันจะถูกเก็บรักษาอย่างดีภายใต้มาตรฐานห้องแล็บเพื่อคงคุณภาพของไขมันสเต็มเซลล์

ข้อดีของการเสริมหน้าผากด้วยการปลูกถ่ายไขมัน

  • หลังทำสามารถเดินทางกลับบ้านได้เลย
  • บวมช้ำน้อยหรืออาจจะไม่มีเลย
  • แผลขนาดเล็กมาก พักฟื้นระยะสั้น
  • ปลอดภัย ไม่มีสิ่งแปลกปลอม ไม่ทิ้งสารตกค้าง
  • รูปทรงหน้าผากดูเป็นธรรมชาติ
  • ปลูกถ่ายบริเวณอื่นๆ บนใบหน้าได้ในครั้งเดียวกัน
  • สามารถปลูกถ่ายไขมันซ้ำได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณไขมัน และสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล
  • หากได้ไขมันที่ดีจะช่วยฟื้นฟูและบำรุงผิวให้เอิบอิ่มกระจ่างใส ลดรอยยับเส้นริ้วรอยเล็กๆ บริเวณหน้าผากได้ดี
  • ปรับรูปร่าง ช่วยลดไขมันส่วนเกิน

ข้อจำกัดของการเสริมหน้าผากด้วยการปลูกถ่ายไขมัน

  • ผลลัพธ์ไม่คงทนถาวรเท่ากับการเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคนสำเร็จรูป
  • ไม่เหมาะกับคนที่ผอมมากๆ หากมีน้ำหนักที่ไม่เพียงพอหรืออายุมากขึ้น ไขมันที่ได้จะไม่ค่อยมีคุณภาพ
  • เปอร์เซ็นต์การอยู่รอดของไขมันอาจลดลงได้ นอกจากนี้ไขมันที่ปลูกถ่ายไปอาจไม่ติดทั้ง 100% ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคน
  • อาจมีอาการบวมช้ำเกิดขึ้นได้บริเวณที่ดูดไขมัน
  • อาจทำให้ผิวบริเวณที่ดูดไขมันเป็นคลื่น หรือมีรอยตะปุ่มตะป่ำ ต้องดูดไขมันโดยศัลยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเท่านั้น

3. ศัลยกรรมเสริมหน้าผากด้วยการฉีดสารเติมเต็มฟิลเลอร์

การเสริมหน้าผากด้วยฟิลเลอร์คือการใช้สารเติมเต็มประเภทหนึ่ง ก็คือสารที่ชื่อว่า “ไฮยาลูโรนิค” หรือ Hyaluronic Acid ฉีดเข้าไปเติมเต็มบริเวณหน้าผาก เพื่อให้หน้าผากโหนกนูนได้สัดส่วนรับกับใบหน้า โดยบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์นั้นจะอยู่ในชั้นผิวหนังและใต้ผิวหนังขึ้นอยู่กับเทคนิคของแพทย์ ซึ่งสารฟิลเลอร์นั้นสามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติภายใน 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้ แต่การฉีดฟิลเลอร์ให้สวยงามและปลอดภัยจะต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น หากทำโดยผู้ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ค่ะ

ฉีดหน้าผาก ด้วยสารเติมเต็มฟิลเลอร์

ข้อดีของการใช้ฟิลเลอร์ในการ เสริมหน้าผาก

  1. หลังฉีดเสร็จสามารถเดินทางกลับบ้านได้เลย
  2. บวมช้ำน้อยหรืออาจจะไม่มีเลย
  3. ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น
  4. รูปทรงหลังฉีดมีความเป็นธรรมชาติ
  5. สามารถปรับแต่ง และเติมซ้ำได้เรื่อยๆ
  6. ถ้าไม่ชอบสามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ออกได้

ข้อจำกัดของการเสริมหน้าผากด้วยฟิลเลอร์

  1. ผลลัพธ์อยู่ไม่ถาวร ต้องฉีดซ้ำอยู่ตลอด
  2. ราคาสูง ใช้ปริมาณเยอะ
  3. เป็นตำแหน่งเสี่ยงต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของแพทย์ในการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ซึ่งต้องฉีดฟิลเลอร์ในชั้นผิวหนังที่ถูกต้อง ด้วยปริมาณที่เหมาะสม
  4. มีโอกาสเกิดปัญหาฟิลเลอร์เป็นก้อน หน้าผากเป็นคลื่น ไม่เรียบเนียน หากฉีดฟิลเลอร์กับผู้ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ
  5. มีโอกาสที่ฟิลเลอร์จะไหล หรือ เสียรูปทรง
  6. สัมผัสไม่เป็นธรรมชาติ
  7. การแก้ไขทำได้ยาก ถึงแม้จะฉีดสลายได้ แต่อาจหลงเหลือฟืลเลอร์อยู่
  8. ต้องงดกิจกรรมบางอย่างหลังฉีดฟิลเลอร์
  9. มีความเสี่ยงต่อของปลอม ต้องฉีดที่สถานเสริมความงามที่เชื่อถือได้ และการฉีดฟิลเลอร์ต้องฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

“สรุปความแตกต่างของการ เสริมหน้าผาก แต่ละเทคนิค”

โปรโมชัน

เพราะเราตระหนักว่า การทำศัลยกรรมนั้นมีความซับซ้อนและต้องใช้ความละเอียดประณีตเป็นอย่างมาก
เพื่อผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการและพื้นฐานความปลอดภัย จึงจำเป็นต้องผ่าตัดกับศัลยแพทย์เฉพาะทางที่ชำนาญการ

เสริมจมูกเทคนิค Open สวยโดดเด่นในแบบคุณ เริ่มต้น 129,000.-

หมดกังวลกับปัญหาจมูก ไม่ว่าจะเป็นจมูกงุ้ม จมูกใหญ่ หรือจมูกคดที่ขัดความมั่นใจ ศัลยกรรม เสริมจมูกเทคนิค Open พร้อมช่วยแก้...

พลิกโฉมจมูกใหม่ ทรงสวย มีมิติ ศัลยกรรมเสริมจมูก เริ่มต้น 65,000.- ล็อกคิววันนี้คลิกเลย!!

เสริมจมูกเทคนิคเนื้อเยื่อเทียม TnR Mesh TnR Mesh เป็นวัสดุเนื้อเยื่อเทียมที่ออกแบบมาสำหรับรองปลายจมูกโดยเฉพาะ มีความปลอด...

เสริมหน้าอก เติมเสน่ห์ทุกลุค เสริมใหม่ลดทันที 10,000.-

การ เสริมหน้าอก ไม่ใช่แค่การเพิ่มขนาดเพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่ยังเป็นการแก้ปัญหาความไม่มั่นใจในรูปร่างและบุคลิกภาพ หลา...

โปรโมชั่นเพิ่มเติม

รีวิวผลงาน

เพราะเราตระหนักว่า การทำศัลยกรรมนั้นมีความซับซ้อนและต้องใช้ความละเอียดประณีตเป็นอย่างมาก
เพื่อผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการและพื้นฐานความปลอดภัย จึงจำเป็นต้องผ่าตัดกับศัลยแพทย์เฉพาะทางที่ชำนาญการ

+6627149555 @SLCHospital