คนไทยในปัจจุบันเป็นโรคอ้วนอันดับที่ 2 ของอาเซียนรองจากมาเลเซีย โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีดัชนีมวลกายเฉลี่ยสูงถึง 36.4 ส่งผลให้อัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าของคนทั่วไป
โรคอ้วนไม่ใช่เพียงปัญหาเรื่องรูปลักษณ์หรือความมั่นใจ แต่เป็นโรคร้ายแรงที่คุกคามสุขภาพและชีวิต เมื่อการควบคุมน้ำหนักด้วยวิธีการทั่วไปไม่เป็นผล การ ตัดกระเพาะลดความอ้วน จึงกลายเป็นทางเลือกที่สำคัญในการช่วยชีวิตและฟื้นฟูสุขภาพของผู้ที่มีโรคอ้วนรุนแรง
เหตุใด โรคอ้วน จึงเป็นอันตรายต่อชีวิต
โรคอ้วน (Obesity Disease) ส่งผลกระทบต่อระบบต่างๆ ในร่างกายอย่างรุนแรง น้ำหนักตัวที่เกินกว่าเกณฑ์สุขภาพดี ไม่ได้ส่งผลแค่รูปลักษณ์ภายนอก แต่ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงที่นำไปสู่โรคร้ายแรงหลายชนิด:
- โรคเบาหวานชนิดที่ 2 เกิดจากไขมันส่วนเกินทำให้เซลล์ดื้อต่ออินซูลิน ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- ความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ น้ำหนักส่วนเกินทำให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้น ไขมันในช่องท้องปล่อยสารอักเสบทำให้หลอดเลือดแข็งตัว
- โรคไขมันพอกตับ การสะสมไขมันในตับอาจนำไปสู่การอักเสบของตับ ตับแข็ง และมะเร็งตับในที่สุด
- ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ไขมันบริเวณลำคอกดทับทางเดินหายใจ ทำให้หยุดหายใจซ้ำๆ ขณะหลับ เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและอัมพาต
ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 โรคอ้วนจัดเป็น 1 ใน 7 โรคของกลุ่มผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวที่ควรได้รับวัคซีนก่อน เนื่องจากผู้ที่เป็นโรคอ้วนและติดเชื้อโควิด-19 มักมีอาการรุนแรงและมีโอกาสเสียชีวิตมากกว่าคนปกติ
ทำไมลดน้ำหนักแบบทั่วไปถึงไม่ได้ผล
การลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังกายและควบคุมอาหารเป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่สำหรับผู้ที่มีโรคอ้วนรุนแรง วิธีการทั่วไปมักไม่ประสบความสำเร็จ:
- ลดน้ำหนักได้จำกัด คนส่วนใหญ่ลดน้ำหนักได้เพียง 5-10% ของน้ำหนักตัวเท่านั้น เนื่องจากร่างกายปรับตัวเสมือนอยู่ในสภาพอดอาหาร
- น้ำหนักกลับขึ้นง่าย มากกว่า 50% ของผู้ที่ลดน้ำหนักสำเร็จจะกลับมาอ้วนภายใน 2 ปี
- ออกกำลังกายลำบาก ผู้ที่มีน้ำหนักมากเหนื่อยง่าย เสี่ยงต่อการบาดเจ็บจากการออกกำลังกาย ทำให้การควบคุมน้ำหนักแบบดั้งเดิมใช้ไม่ได้ผล
การตัดกระเพาะลดความอ้วนคืออะไร?
โปรแกรมตัดกระเพาะลดความอ้วน หรือ Bariatric Surgery เป็นวิธีทางการแพทย์ที่ช่วยผู้ที่มีโรคอ้วนรุนแรงควบคุมน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีเป้าหมายหลักในการดูแลสุขภาพและลดความเสี่ยงของโรคร่วม
เทคนิคสลีฟ (Sleeve Gastrectomy) เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมสูงสุด:
- ขั้นตอนการผ่าตัด ใช้การส่องกล้องตัดกระเพาะออก 75-80% ให้เหลือรูปร่างคล้ายแขนเสื้อ แผลเล็กเพียง 0.5-1 เซนติเมตร
- กลไกการทำงาน ตัดส่วนที่ผลิตฮอร์โมน Ghrelin (ความหิว) ทำให้รู้สึกอิ่มเร็ว ทานได้น้อยลง และไม่ค่อยอยากอาหาร
- ผลลัพธ์ที่ได้ ลดน้ำหนักได้ 50-70% ภายใน 12-18 เดือน เฉลี่ย 1-2 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ในช่วงแรก
- ผลต่อสุขภาพ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูงมักดีขึ้นหรือหายเป็นปกติ กลับมาออกกำลังกายได้ภายใน 1 เดือน
ใครเหมาะกับการตัดกระเพาะลดความอ้วน
การตัดกระเพาะเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่มีปัญหาโรคอ้วนรุนแรงและไม่สามารถควบคุมน้ำหนักได้ด้วยวิธีทั่วไป โดยมีเกณฑ์การประเมินดังนี้:
- ดัชนีมวลกาย (BMI) มากกว่า 32.5 กก./ตร.ม. หรือมี BMI มากกว่า 30 แต่มีโรคประจำตัวที่เกี่ยวข้องกับน้ำหนัก
- มีโรคร่วมจากความอ้วน เช่น เบาหวานชนิดที่ 2 ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง หรือภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
- ลดน้ำหนักด้วยวิธีปกติไม่ได้ผล ทั้งการควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอแล้วไม่สำเร็จ
- อายุและสภาพร่างกาย อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ไม่มีข้อห้ามในการผ่าตัด และสามารถดูแลตัวเองได้หลังผ่าตัด
ประโยชน์และความปลอดภัยของการตัดกระเพาะ
โปรแกรมตัดกระเพาะลดความอ้วนด้วยเทคนิคสลีฟให้ผลลัพธ์ที่ดีและมีความปลอดภัยสูง โดยเฉพาะเมื่อดำเนินการโดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์ป้องกันที่มีประสบการณ์:
- การลดน้ำหนักที่มีประสิทธิภาพ ลดน้ำหนักเฉลี่ย 1-2 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ในช่วงแรก และสามารถลดน้ำหนักส่วนเกินได้ถึง 50-70% ภายใน 12-18 เดือน
- ฟื้นตัวรวดเร็ว ใช้เทคนิคการส่องกล้องทำให้แผลเล็กเพียง 1-1.5 เซนติเมตร เจ็บน้อย และสามารถเดินได้ตามปกติภายใน 1-2 วัน
- ปรับปรุงสุขภาพโดยรวม โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูงมักดีขึ้นหรือหายเป็นปกติ กลับมาออกกำลังกายได้ภายใน 1 เดือน
- ความปลอดภัยสูง เทคโนโลยีการส่องกล้องสมัยใหม่ช่วยให้ศัลยแพทย์ผ่าตัดได้อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน


เลือกโรงพยาบาล SLC สำหรับการตัด กระเพาะลดความอ้วน
โปรแกรม ตัดกระเพาะลดความอ้วน ด้วยเทคนิคสลีฟให้ผลลัพธ์ที่ดีและมีความปลอดภัยสูง โดยเฉพาะเมื่อดำเนินการโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์:
- การลดน้ำหนักที่มีประสิทธิภาพ ลดน้ำหนักเฉลี่ย 1-2 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ในช่วงแรก และสามารถลดน้ำหนักส่วนเกินได้ถึง 50-70% ภายใน 12-18 เดือน
- ฟื้นตัวรวดเร็ว ใช้เทคนิคการส่องกล้องทำให้แผลเล็กเพียง 1-1.5 เซนติเมตร เจ็บน้อย และสามารถเดินได้ตามปกติภายใน 1-2 วัน
- ปรับปรุงสุขภาพโดยรวม โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูงมักดีขึ้นหรือหายเป็นปกติ กลับมาออกกำลังกายได้ภายใน 1 เดือน
- ความปลอดภัยสูง เทคโนโลยีการส่องกล้องสมัยใหม่ช่วยให้ศัลยแพทย์ผ่าตัดได้อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน
- ความปลอดภัยสูง เทคโนโลยีการส่องกล้องสมัยใหม่ช่วยให้ศัลยแพทย์ผ่าตัดได้อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน
สุดท้ายนี้ สำหรับใครที่กำลังต่อสู้กับ โรคอ้วน และรู้สึกว่าการลดน้ำหนักด้วยวิธีปกติไม่ได้ผลอีกแล้ว อย่าท้อใจ! การตัดกระเพาะลดความอ้วน ด้วยเทคนิคสลีฟเป็นทางเลือกที่จะช่วยให้กลับมามีสุขภาพดี ลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญคือ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคร่วมต่างๆ ก็จะดีขึ้นตามมาด้วย
หรือถ้าหากยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับ โปรแกรมตัดกระเพาะลดความอ้วน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องขั้นตอนการผ่าตัด ความปลอดภัย หรือการดูแลหลังผ่าตัด ก็สามารถเข้ามาปรึกษากับศัลยแพทย์ของเราได้เลย! ที่ SLC Hospital พร้อมให้คำแนะนำและดูแลแบบครบวงจรตั้งแต่การประเมินสุขภาพ การเตรียมตัวผ่าตัด ไปจนถึงการฟื้นฟูหลังผ่าตัด
อย่าปล่อยให้โรคอ้วนมาทำลายสุขภาพและคุณภาพชีวิต รีบมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่มีสุขภาพดีกว่าเดิมกันเถอะ
💬 Add Line: @SLCHospital เพื่อนัดหมายปรึกษาแพทย์ รับใบเสนอราคาพิเศษ และดูผลงานจริงจากลูกค้าของเรา ปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย!