เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ผิวพรรณของเราก็เริ่มเหี่ยวย่นลงนะ ลองสังเกตดูคนแก่รอบตัว จะเห็นได้ชัดเจนถึงความเสื่อมของคอลลาเจนและอีลาสตินในร่างกาย บางคนพยายามค้นหาครีมบำรุงหรือเข้ารับการรักษาด้วยเครื่องมือทันสมัยเพื่อคืนความกระชับให้ผิว แต่บางครั้งมันก็ไม่ได้ผลเสมอไป ดังนั้นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดคือการผ่าตัดดึงหน้า ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาผิวหนังเหี่ยวย่นระดับลึก หย่อนคล้อยอย่างรุนแรง หรือแม้แต่ปัญหาจากพันธุกรรมอย่างน้องยุพาที่ SLC Hospital ก็ยังแก้ได้ ซึ่งวันนี้แอดจะมาเผยถึง 10 ข้อเสียของการดึงหน้าที่พบบ่อย โดยคุณอาจไม่เคยรู้มาก่อนเมื่อคุณเลือกสถานที่ให้บริการผิดที่ และข้อห้ามหลังดึงหน้า (facelift) เพื่อให้คุณได้ชั่งน้ำหนักระหว่างประโยชน์และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจกันค่ะ
สารบัญบทความ
ความหย่อนคล้อยระดับไหนถึงต้องดึงหน้า
แม้อายุเป็นเพียงตัวเลข แต่ร่างกายของเราไม่อาจหลีกเลี่ยงผลกระทบจากกาลเวลาได้ ริ้วรอยบนใบหน้าและผิวหนังที่หย่อนคล้อยเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงวัยที่เพิ่มขึ้น สังเกตได้ว่าใบหน้าและลำคอของคุณเริ่มมีสัญญาณของความหย่อนคล้อยตามวัย
แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าถึงเวลาต้องดึงหน้าแล้ว? ลองสังเกตดูลักษณะต่าง ๆ ที่เป็นสัญญาณบอกเหล่านี้
- บริเวณหน้าผากและคิ้ว เมื่อเริ่มมีรอยย่นเป็นจีบลึก ๆ และคิ้วตกลงมาต่ำกว่าปกติ รวมถึงเส้นผมที่ค่อย ๆ หลุดหายไป นั่นอาจเป็นสัญญาณแรกที่บอกว่าถึงเวลาแล้ว
- ส่วนดวงตาหากคุณสังเกตเห็นว่ากล้ามเนื้อที่ยกหนังตาเริ่มอ่อนแรง ทำให้หนังตาบนหย่อนคล้อยจนมองไม่เห็นชั้นตา หรือหางตาตกลงมาเร็วกว่าปกติ ถ้ามีร่องใต้ตาชัดเจนขึ้น หรือร่องแก้มลึกขึ้น นั่นบอกว่าความหย่อนคล้อยเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง
- ปาก มุมปากเริ่มตกและคว่ำลง หรือระยะระหว่างจมูกกับริมฝีปากบนยืดยาวขึ้น ก็ถือเป็นอีกหนึ่งสัญญาณ
- ส่วนแก้มล่างและคอหากมีร่องน้ำหมาก และกรอบหน้ากับคอไม่คมชัดเหมือนเดิม ก็บ่งชี้ว่าผิวหนังเริ่มหย่อนคล้อย
- สุดท้ายที่คอหากเห็นเหนียงชัดขึ้น เป็นคางสองชั้น หรือมีร่องในแนวขวาง รวมถึงกล้ามเนื้อหย่อนยานจนทำให้ไขมันและต่อมน้ำลายย้อยลงมา ก็ถือเป็นสัญญาณสำคัญ
ถ้าคุณพบสัญญาณเหล่านี้ อาจถึงเวลาที่ควรพิจารณาการดึงหน้าเพื่อคืนความกระชับให้ใบหน้าและลำคอ แต่อย่าลืมปรึกษาศัลยแพทย์ก่อนตัดสินใจนะ!
รู้ก่อนสายเกินแก้! 10 ภาวะแทรกซ้อนอาจเกิดขึ้นหลังผ่าตัดดึงหน้า
เรื่องของการดึงหน้านั้นไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลยนะคะ เมื่อคุณตัดสินใจผ่าตัดดึงหน้า นอกจากต้องพิจารณาเรื่องค่าใช้จ่ายแล้ว คุณภาพและมาตรฐานของโรงพยาบาลก็เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม การเลือกโรงพยาบาลที่มีมาตรฐานสูงนั้นมีความจำเป็นมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการผ่าตัดใหญ่อย่างการดึงหน้า เพราะถ้าเกิดความผิดพลาดขึ้นมา มันอาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อชีวิตและสุขภาพของคุณได้เลยนะคะ
“อย่าเพิ่งหลงกลศัลยกรรมราคาถูกนะคะ”
ราคาถูกอาจดูน่าสนใจ แต่อย่าลืมว่า “ถูกมันก็แพง” ด้วยนะ มันอาจหมายถึงคุณภาพต่ำก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นทีมแพทย์ที่ขาดความชำนาญ อุปกรณ์การแพทย์ที่ล้าสมัย หรือแม้แต่มาตรฐานความปลอดภัยที่ไม่ได้รับการรับรอง ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสี่ยงที่คุณไม่คาดคิดมาก่อน
ก่อนจะตัดสินใจเลือกวิธีการดึงหน้า เรามาทำความรู้จักกับข้อเสียของการดึงหน้าหลังการผ่าตัดเมื่อคุณเลือกคลินิกดึงหน้าที่ไม่ได้มาตรฐานกันดีกว่าค่ะ เพื่อให้คุณได้เตรียมพร้อมสำหรับทุกสถานการณ์ที่อาจเผชิญ และตัดสินใจได้อย่างรอบคอบมากที่สุด
ลองมาดูกัน มีข้อควรระวังสำคัญถึง 10 ข้อเสียของการดึงหน้าที่คุณไม่ควรมองข้ามเลยหลังผ่าตัดคืออะไรบ้าง?
- รอยแผล
หลังจากการผ่าตัดดึงหน้า สิ่งที่มักจะทิ้งร่องรอยเอาไว้ก็คือแผลเป็นที่อาจจะเห็นได้ชัดเจน ทำให้ไม่ค่อยโอเคกับผลลัพธ์ รอยแผลเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นตามแนวผมและรอบใบหู ซึ่งบางครั้งต้องใช้เวลานานในการหายดี กรณีที่พลาดเลือกทำกับสถานที่ไม่ได้มาตรฐานและศัลยแพทย์ไม่มีความชำนาญแผลที่ได้หลังการผ่าตัดอาจเกิดคีย์ลอยด์ได้ เพราะเย็บแผลตึงหรือมี Tension เยอะจนเกินไป บางคนอาจต้องไปแก้ซ้ำเพื่อให้รอยแผลเรียบเนียนขึ้น อาจจะต้องใช้ครีมลดรอยแผลเป็นหรือทำเลเซอร์เพื่อช่วยให้รอยแผลดูดีขึ้น แต่ถ้าไม่ดูแลดี ๆ ก็อาจทำให้รอยแผลเห็นได้ชัดเจนไปตลอดชีวิต รอยแผลที่ไม่สวยงามนี้ถือเป็นหนึ่งในข้อเสียของการดึงหน้าที่ควรระวัง
- อาการบวม
อาการบวมหลังผ่าตัดดึงหน้าเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนต้องเจอ บวมมากบวมน้อยขึ้นอยู่กับการดูแลหลังผ่าตัด ช่วงแรก ๆ อาจจะรู้สึกหน้าบวมเหมือนบอลลูน ทำให้ไม่ค่อยกล้าออกจากบ้าน อาการบวมนี้จะค่อย ๆ ลดลงใน 1-2 สัปดาห์ แต่ช่วงแรกอาจรู้สึกไม่สบายหน้าและเจ็บได้ ถ้าอยากหายบวมไว ๆ ก็ต้องประคบเย็น ประคบร้อน และกินอาหารที่ช่วยลดบวม ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็มเพราะจะทำให้อาการบวมนานขึ้น อาการบวมนี้อาจทำให้เราเสียความมั่นใจในช่วงแรก ๆ หลังการผ่าตัด
- เส้นประสาทบนใบหน้า
หนึ่งในภาวะแทรกซ้อนที่น่ากลัวที่สุดก็คือเส้นประสาทบนใบหน้าได้รับความเสียหาย ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการชาหรือกล้ามเนื้อบางส่วนบนใบหน้าไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ตามปกติ ถ้าเส้นประสาทได้รับความเสียหายถาวร อาจทำให้เรารู้สึกเหมือนหน้าชา ๆ ตลอดเวลา หรือยิ้มไม่เต็มที่ การผ่าตัดดึงหน้าที่ไม่ระวังอาจทำให้เส้นประสาทเหล่านี้เสียหาย ดังนั้นการเลือกสถานที่ให้บริการและศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์จึงสำคัญมาก หากเกิดอาการชาแล้วไม่หาย ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางรักษา
- การติดเชื้อ
การติดเชื้อเป็นภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นได้กับการผ่าตัดทุกประเภท ถ้าไม่ดูแลแผลผ่าตัดอย่างดี อาจทำให้เกิดการติดเชื้อที่แผลได้ อาการติดเชื้อที่แผลผ่าตัดอาจทำให้แผลบวมแดง ปวดและมีน้ำเหลืองหรือหนองไหลออกมา มีภาวะคลั่งของจนเกิดอาการบวม ควรรีบไปพบแพทย์ทันที และหลังเพื่อป้องกันการติดเชื้อผ่าตัดควรทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด และรักษาความสะอาดของแผลอย่างสม่ำเสมอ
- หน้าไม่เป็นธรรมชาติ
บางครั้งผลลัพธ์ของการผ่าตัดดึงหน้าอาจทำให้รูปหน้าไม่เป็นธรรมชาติ ซึ่งเกิดจากการผ่าตัดที่ไม่ละเอียดหรือทำโดยแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญเพียงพอ ใบหน้าอาจดูแข็งกระด้างหรือไม่สมมาตร ทำให้ดูแปลกตาและไม่พึงพอใจกับผลลัพธ์ ถ้าเกิดปัญหานี้อาจต้องกลับไปแก้ไขเพิ่มเติม นั่นหมายถึงต้องเสียค่าใช้จ่ายซ้ำซ้อนและเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนอีกครั้ง ดังนั้นการเลือกสถานบริการที่มีความเชี่ยวชาญและได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงสำคัญมาก
- การไหลเวียนของเลือดไม่ดี
การไหลเวียนของเลือดไม่ดีหลังการผ่าตัดดึงหน้าเป็นปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ เนื่องจากการผ่าตัดอาจทำให้เส้นเลือดได้รับความเสียหายหรือเกิดการอุดตัน ทำให้แผลหายช้าและเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ สัญญาณที่บ่งบอกว่ามีปัญหาการไหลเวียนของเลือดได้แก่ แผลที่ดูซีดหรือคล้ำ อาการเจ็บปวดมากขึ้น และมีอาการบวมอย่างต่อเนื่อง การรักษาการไหลเวียนของเลือดไม่ดีอาจต้องใช้ยาที่ช่วยขยายหลอดเลือดหรือทำการรักษาอื่น ๆ ตามที่แพทย์แนะนำ ฉะนั้นควรเลือกดึงหน้ากับศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์เฉพาะโดยตรงเพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว และควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ในการดูแลหลังผ่าตัดอย่างเคร่งครัด
- ความเสี่ยงจากดมยาสลบ
การดมยาสลบก็มีความเสี่ยงในตัวเอง ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพต่าง ๆ เช่น ปฏิกิริยาทางแพทย์ หรือภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ การดมยาสลบอาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน เวียนหัว หรือบางครั้งอาจทำให้เกิดอาการแพ้ยาสลบซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต การดมยาสลบควรทำโดยแพทย์วิสัญญีที่ได้รับการรับรอง เพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น แน่นอนว่าที่โรงพยาบาลศัลยกรรม SLC ให้ใส่ใจและความสำคัญเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ทางเราจึงจัดเตรียมวิสัญญีแพทย์ให้กับเคสแบบ 1:1 เพื่อความปลอดภัย
- ผลลัพธ์จากการดึงหน้าชั้นตื้น
ถ้าการดึงหน้าทำในระดับชั้นตื้นเกินไป ผลลัพธ์ไม่คงทนเท่ากับการดึงหน้าในระดับลึกถึงกล้ามเนื้อชั้น SMAS (Superficial Musculo-Aponeurotic System) จะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าและยาวนานกว่า นอกจากการดึงหน้าเป็นการผ่าตัดศัลยกรรมใหญ่ ดังนั้นควรพิจารณาเลือกสถานที่ให้บริการที่มีมาตรฐานและมีศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์เฉพาะด้านเท่านั้น
- ความเสี่ยงต้องผ่าตัดซ้ำ
ผลลัพธ์ของการดึงหน้าไม่ได้ถาวรตลอดไป และเมื่อตัดสินใจทำกับคลินิกเถื่อนหรือสถานที่ที่ไม่ได้มาตรฐานเพียงเพราะเห็นแก่ราคาถูก อาจทำให้ผลลัพธ์ไม่เป็นที่พึงพอใจ และต้องผ่าตัดซ้ำ การดึงหน้าที่ไม่ได้มาตรฐานอาจทำให้ผิวหน้ายังหย่อนคล้อยเพราะไม่ได้ผ่าตัดถึงชั้น SMAS ซึ่งจะต้องเสียค่าใช้จ่ายและเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนเพิ่มเติม
- การสูญเสียความรู้สึกบางส่วน
จากการเลาะผิวหนังและเนื้อเยื่อในการผ่าตัดดึงหน้า หากไม่ได้ทำโดยศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านการดึงหน้า อาจทำให้ผู้ป่วยสูญเสียความรู้สึกบางส่วนบริเวณใบหน้าและลำคอได้ อาจทำให้รู้สึกชา เจ็บปวด หรือแม้แต่การเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อที่ผิดปกติ ซึ่งบางครั้งอาจเป็นถาวร การสูญเสียความรู้สึกบางส่วนนี้อาจทำให้เราไม่พอใจกับผลลัพธ์ของการผ่าตัด ดังนั้นการเลือกศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการดึงหน้าจึงสำคัญมากค่ะ
รู้แบบนี้แล้ว ใครที่คิดจะทำศัลยกรรมดึงหน้าก็อย่าลืมเลือกทำกับคลินิกหรือสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน และศัลยแพทย์เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนและได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจมากที่สุด!
ทำไมต้องผ่าตัดดึงหน้า (Facelift)
ผ่าตัดดึงหน้า หรือ Facelift เป็นการศัลยกรรมที่ช่วยกระชับผิวหน้าและลำคอที่เริ่มหย่อนคล้อย ช่วยให้ริ้วรอยที่ชัดและลึกหายไป ทำให้ดูเด็กลง ฟิตเฟิร์มขึ้น เหมือนย้อนเวลากลับไปเลยทีเดียว!
ทำไมต้องทำการผ่าตัดดึงหน้า?
- บอกลาริ้วรอยและความหย่อนคล้อย ดึงหน้าช่วยให้ลดเลือนริ้วรอยและผิวหน้าที่เริ่มหย่อนคล้อย
- เมื่อหน้าดูดีขึ้น ความมั่นใจในตัวเองก็จะพุ่งสูงขึ้นตามไปด้วย
- การดึงหน้าช่วยให้หน้าคุณเรียบเนียน ชัดเจน และกระชับ หน้าสวยเป๊ะ
สาเหตุของการหย่อนคล้อยของใบหน้าและลำคอ
- อายุที่เพิ่มขึ้น – เมื่ออายุมากขึ้น ผิวก็จะค่อย ๆ หย่อนคล้อยลง เพราะคอลลาเจนลดลง
- แรงโน้มถ่วง – แรงโน้มถ่วงทำให้ผิวและกล้ามเนื้อค่อย ๆ หย่อนลง จนหน้าไม่กระชับเหมือนเดิม
- แสงแดด – การโดนแสงแดดมากเกินไปทำให้ผิวพังเร็ว ทำให้เกิดริ้วรอยและหย่อนคล้อย
- การสูบบุหรี่ – การสูบบุหรี่ทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดี ส่งผลให้ผิวหน้าหย่อนคล้อยเร็วขึ้น
- พันธุกรรม – บางคนเกิดมาก็มีผิวหน้าที่หย่อนคล้อยง่ายกว่าคนอื่น เนื่องจากปัจจัยทางพันธุกรรม
ดังนั้น หากคุณต้องการเพิ่มความสวยและความมั่นใจในวัยที่เพิ่มมากขึ้นแล้วเจอมรสุมปัญหาริ้วรอยบนใบหน้า การผ่าตัดดึงหน้า (Facelift) อาจเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคุณ! แน่นอนว่าที่โรงพยาบาลศัลยกรรม SLC เรามีทีมศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์และผ่านเคสผ่าตัดดึงหน้าให้กับคนไข้มามากมาย ทีมศัลยแพทย์ของเราให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ตรงใจ
ยกระดับความสวยด้วยการ “ดึงหน้า”
เมื่อเผชิญกับความหย่อนคล้อยและริ้วรอยบนใบหน้าในวัยที่ตัวเลขเพิ่มมากขึ้น เชื่อว่าการศัลยกรรมดึงหน้า (Facelift) ก็เป็นอีกหนึ่งทางลัดที่หลายคนสนใจอยู่ไม่น้อย โดยทางโรงพยาบาล SLC มุ่งพัฒนาเทคนิคดึงหน้า เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละตัวบุคคล มาดูกันว่าแต่ละเทคนิคมีอะไรกันบ้าง!
การดึงหน้าแบบตื้น (ชั้นใต้ผิวหนัง)
เทคนิคนี้มุ่งเน้นการยกเพียงชั้นผิวหนังชั้นนอก ช่วยแก้ไขความหย่อนคล้อยและริ้วรอยเล็กน้อย โดยศัลยแพทย์จะเปิดแผลบริเวณไรผมจน จากนั้นเลาะหนังแต่ไม่ถึงชั้นกล้ามเนื้อใต้ผิวหนัง แล้วดึงชั้นผิวให้ยกขึ้นได้รูปรับไปกับกรอบหน้า และเย็บฟิกซ์ผิวหนังอย่างประณีต มีข้อดี คือ ฟื้นตัวเร็วและแผลเป็นน้อย เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยเพียงเล็กน้อย
การดึงหน้าแบบลึกใต้ชั้น SMAS
เทคนิคนี้ลงลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อใต้ผิวหนัง เรียกว่า SMAS (Superficial Musculo-Aponeurotic System) โดยศัลยแพทย์เลาะหนังอย่างระมัดระวังและรอบคอบตั้งแต่บริเวณขมับจนถึงร่องแก้ม ขึ้นอยู่กับความยากของเคส และเทคนิคศัลยแพทย์แต่ละท่าน จากนั้นใช้เครื่องมือพิเศษช่วยดึงชั้นกล้ามเนื้อ SMAS และเย็บฟิกซ์ไว้ แต่จะพยายามไม่ได้ตึงมากจนเกินไป และทำการดึงผิวหนังชั้นนอกในขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งการทำวิธีนี้หน้าจะตึงได้นานอย่างน้อย 1 ปี และช่วยแก้ไขความหย่อนคล้อยและริ้วรอยอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมีข้อดีคือผลลัพธ์ยาวนาน เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยมากและต้องการผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจน
เทคนิคจาก SLC Hospital ศัลยกรรมดึงหน้า Total Facelift และ Total 3D Facelift™
ศัลยกรรมดึงหน้า Total Facelift
เทคนิคการดึงหน้าแบบใหม่ Total FaceLift หรือ Signature Facelift ที่พัฒนาโดยศัลยแพทย์ชั้นนำของเรา ช่วยกระชับใบหน้าลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อ SMAS เพื่อขจัดความยับย้อยของผิวหนัง ปรับโครงหน้าให้กลับมาเรียบเนียนตามธรรมชาติ ผลลัพธ์ที่ได้จะทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น 10 ปี โดยไม่มีการฉีดไขมันเพิ่มเติม นอกจากนี้ แผลผ่าตัดยังถูกซ่อนอย่างเนียนบริเวณหลังหู ทำให้เห็นรอยแผลได้ยาก และช่วยให้ผลลัพธ์ยาวนานกว่าวิธีดึงแบบเดิม เหมาะสำหรับคนที่มีวอลลุ่มใบหน้ามาก ผิวหนังเหี่ยวย่น ร่องแก้มชัดเจน
ศัลยกรรมดึงหน้า Total 3D Facelift™
เป็นเทคนิคต่อยอดจาก Total Facelift™ ที่มุ่งแก้ไขปัญหาใบหน้าที่ขาดมิติ หน้าตอบ หลังการผ่าตัด โดยการเติมไขมันจากร่างกายของคุณเอง ไปยังบริเวณ T-Zone และร่องแก้ม วิธีการนี้จะช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และเพิ่มวอลลุ่มให้กับใบหน้า มอบผลลัพธ์หน้าละมุนเป็นธรรมชาติ
เอาเป็นว่าถ้าทุกคนต้องเลือกโรงพยาบาลศัลยกรรมที่เชื่อถือได้ย่อมเป็นสิ่งสำคัญ และแน่นอนว่าเมื่อเลือก SLC Hospital คุณจะได้รับการดูแลจากทีมศัลยแพทย์ ไว้วางใจผลลัพธ์จากการดึงหน้ารีวิวของลูกค้าจริงและเหล่าดารา เซเลบริตี้ที่ไว้วางใจเลือกมาทำศัลยกรรมที่นี่อีกเพียบค่ะ
ยกตึง ดึงหน้าเปี๊ยะ จบได้ที่ SLC Hopital
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ หลังจากทราบข้อเสียของการดึงหน้าแล้ว คงช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นกันนะ เพราะการผ่าตัดดึงหน้าไม่ใช่เรื่องเล่นเราต้องเลือกให้ดี และถ้าเลือก SLC Hospital รับรองว่าไม่มีผิดหวัง ทางเรามีทีมศัลยแพทย์เฉพาะทาง ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ปังสุด ๆ และจะทำหัตถการอย่างปลอดภัยอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีรีวิวจากลูกค้าจริง ดารา และเซเลบริตี้คอยการันตีผลลัพธ์อีกมากมายค่ะ