หนึ่งในคำถามที่คาใจสาว ๆ ที่เสริมหน้าอก หรือกำลังวางแผนจะเสริมหน้าอกมากที่สุดคือ เสริมหน้าอก อยู่ได้กี่ปีแล้ว เสริมหน้าอกมาแล้วต้องเปลี่ยนทุก 10 ปีจริงไหม?” ความเชื่อนี้ถูกส่งต่อกันมานานจนหลายคนเข้าใจว่าเป็นกฎตายตัว แต่ในความเป็นจริงแล้ว แนวคิดทางการแพทย์สมัยใหม่ตอนนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว 

อายุการใช้งานของซิลิโคน ไม่ได้หมายถึงวันหมดอายุที่ต้องเปลี่ยนออกโดยอัตโนมัติเมื่อครบกำหนด แต่คือการเฝ้าติดตามสภาพของซิลิโคนและสุขภาพของหน้าอกอย่างสม่ำเสมอ บทความนี้จาก SLC.Hospital แอดจะพาทุกคนไปทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า เสริมหน้าอก อยู่ได้กี่ปี ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้อายุการใช้งานสั้นลงมีอะไรบ้าง สัญญาณเตือนแบบไหนที่บ่งชี้ว่าควรเข้าพบแพทย์เพื่อ แก้หน้าอก หรือ เปลี่ยนซิลิโคน และเมื่อไหร่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการตัดสินใจ พร้อมแนะนำทางเลือกในการรักษา รวมถึง โปรแกรมยกกระชับหน้าอก SLC สำหรับผู้ที่มีปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อยโดยเฉพาะ 

เสริมหน้าอก อยู่ได้กี่ปี? อายุการใช้งานที่แท้จริงของซิลิโคน 

ในทางการแพทย์ ซิลิโคนเต้านมเทียมที่ผ่านการรับรองมาตรฐานในปัจจุบันถูกออกแบบมาให้มีความทนทานสูงและสามารถอยู่ในร่างกายได้อย่างยาวนาน หลายเคสสามารถอยู่ได้ถึง 15-20 ปี หรือมากกว่านั้นโดยไม่มีปัญหาใด ๆ  

ดังนั้น คำตอบที่ถูกต้องที่สุดคือ ซิลิโคน ไม่มี “วันหมดอายุ” ที่ตายตัว แต่สิ่งสำคัญคือการตรวจติดตามผลกับศัลยแพทย์อย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หรือทันทีเมื่อพบอาการผิดปกติ เพื่อประเมินสภาพของซิลิโคนและเนื้อเยื่อรอบข้างให้มั่นใจว่าทุกอย่างยังคงปกติและปลอดภัย 

ปัจจัยที่ส่งผลต่อความคงทนของซิลิโคน 

ถึงแม้ว่า ซิลิโคน จะไม่มีอายุตายตัว แต่จริง ๆ แล้ว การใช้งานของซิลิโคนนั้นก็มีข้อจำกัด และอาจมีปัญหาอยู่ดี ซึ่งขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยประกอบกัน ได้แก่ 

  • ประเภทและคุณภาพของซิลิโคน: ยี่ห้อ, รุ่น, พื้นผิว (ผิวเรียบ/ผิวทราย), และความหนาแน่นของเจลภายใน ล้วนส่งผลต่อความทนทานและการเกิดปฏิกิริยาของร่างกาย 
  • ตำแหน่งการวางซิลิโคน: การวางเหนือหรือใต้กล้ามเนื้อมีผลต่อการคลำเจอขอบซิลิโคนและการคงรูปในระยะยาวแตกต่างกันไป 
  • เทคนิคการผ่าตัดและความชำนาญของศัลยแพทย์: เทคนิคการผ่าตัดที่แม่นยำ การเลือกขนาดซิลิโคนที่เหมาะสมกับสรีระ และการดูแลเรื่องความสะอาดปลอดเชื้อ ช่วยลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว เช่น พังผืดหดรัด 
  • การดูแลตัวเองหลังผ่าตัด: การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดในช่วงพักฟื้น รวมถึงรูปแบบการใช้ชีวิต เช่น การออกกำลังกายที่หักโหมเกินไป หรือการที่น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างรวดเร็ว 
  • การตั้งครรภ์และให้นมบุตร: การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนและขนาดเต้านมในช่วงนี้อาจส่งผลต่อรูปทรงและความหย่อนคล้อยของผิวหนังได้ 
  • อายุที่มากขึ้น ส่งผลให้ความยืดหยุ่นของผิวหนัง หรือนมสามารถทำให้หน้าอกหย่อนคล้อยได้ 

ต้องแก้หรือเปลี่ยนซิลิโคนเมื่อไหร่? สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม 

ต่อให้ซิลิโคนจะทนทานขนาดไหน แต่ก็อาจเกิดปัญหาขึ้นได้เช่นกัน สิ่งสำคัญคือการสังเกตความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย หากคุณพบสัญญาณเตือนเหล่านี้ ควรนัดปรึกษาศัลยแพทย์เพื่อประเมินทันที 

  • รูปทรงเปลี่ยนไป: หน้าอกเริ่มบิดเบี้ยว ผิดรูปทรงไปจากเดิมอย่างชัดเจน หรือดูไม่เป็นธรรมชาติ 
  • คลำได้ก้อนแข็ง ตึง หรือเจ็บ: นี่คือสัญญาณสำคัญของภาวะ พังผืดหดรัด (Capsular Contracture) ซึ่งเป็นภาวะที่ร่างกายสร้างพังผืดหนาขึ้นมารอบซิลิโคน ทำให้รู้สึก นมแข็ง และมีอาการ ปวดตึงหน้าอก 
  • ความไม่สมมาตรที่เพิ่มขึ้น: หน้าอกสองข้างมีขนาดหรือตำแหน่งที่แตกต่างกันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด 
  • ผิวหนังผิดปกติ: ผิวหนังบริเวณเต้านมบางลงจนเห็นเป็นคลื่น (Rippling) หรือรอยริ้วของซิลิโคน 
  • อาการเจ็บปวดต่อเนื่อง: มีอาการเจ็บลึกๆ ภายในเต้านมโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือสงสัยว่าซิลิโคนอาจมีการรั่วซึมหรือแตก (ซึ่งพบได้น้อยมากในซิลิโคนรุ่นใหม่) 

สำหรับช่วงเวลาที่เหมาะสมในการพิจารณา แก้ซิลิโคนหน้าอก หากไม่มีอาการผิดปกติ แต่คุณรู้สึกไม่พอใจกับขนาด รูปทรง ความนิ่ม หรือความชิดที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา ก็สามารถวางแผนเข้ามาปรึกษาแพทย์เพื่อแก้-เสริมใหม่ได้เช่นกัน โดยไม่จำเป็นต้องรอให้เกิดปัญหารุนแรง 

SLC’s Tip:ไม่มีอาการ = ยังไม่จำเป็นต้องรีบเปลี่ยนหากคุณตรวจร่างกายเป็นประจำ อัลตราซาวนด์หรือแมมโมแกรมแล้วผลปกติ และยังพอใจกับผลลัพธ์เดิม ก็ยังไม่จำเป็นต้องผ่าตัดเปลี่ยนซิลิโคนใหม่ แต่การตรวจติดตามกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด 

ทางเลือกในการ แก้ไขหน้าอก มีอะไรบ้าง? 

เมื่อตัดสินใจว่าถึงเวลาต้องแก้ไข ศัลยแพทย์จะประเมินปัญหาและแนะนำแนวทางที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งมีหลากหลายวิธี: 

  • ผ่าตัดเลาะพังผืด (Capsulectomy/Capsulotomy): สำหรับเคสที่มีปัญหาพังผืดหดรัด ทำให้หน้าอกแข็งและผิดรูป 
  • เปลี่ยนซิลิโคนใหม่ (Implant Exchange): สามารถเพิ่มขนาด, ลดขนาด, เปลี่ยนรูปทรง (ทรงกลม/ทรงหยดน้ำ), หรือเปลี่ยนพื้นผิวซิลิโคนได้ 
  • ย้ายตำแหน่งวางซิลิโคน (Plane Change): เช่น ย้ายจากเหนือกล้ามเนื้อมาอยู่ใต้กล้ามเนื้อ เพื่อแก้ปัญหาขอบซิลิโคนชัด หรือลดการคลำเจอริ้ว 
  • เสริมด้วยไขมันตนเองร่วมด้วย (Fat Grafting): เพื่อเติมเต็มในส่วนที่บกพร่อง เช่น บริเวณเนินอก หรือขอบซิลิโคน เพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติและนุ่มนวลยิ่งขึ้น 
  • นำซิลิโคนออก (Explant Surgery): ในกรณีที่ไม่ต้องการมีซิลิโคนอีกต่อไป ซึ่งมักจะทำร่วมกับการ ยกกระชับหน้าอก เพื่อแก้ไขความหย่อนคล้อย 
  • ยกกระชับหน้าอก (Breast Lift): สำหรับคนที่มีปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อย ดูยาน ไม่เป็นทรง ที่อาจเกิดอายุที่เพิ่มมากขึ้น หรือซิลิโคนไซซ์ใหญ่เกินไปทำให้หย่อนคล้อยผิดปกติหลังจากทำมานาน ก็สามารถแก้ไขได้ด้วยการยกกระชับ โดยที่ SLC มีหลายเทคนิค ขึ้นอยู่กับแพทย์ประเมิน ซึ่งสามายกกระชับแล้วเสริมซิลิโคนอันใหม่ หรือเอาซิลิโคนอันเก่าออก แล้วยกกระชับก็ได้ 

ใครเหมาะกับวิธีไหน? 

  • นมแข็ง-ปวดตึง: เหมาะกับการผ่าตัดเลาะพังผืด และอาจพิจารณาเปลี่ยนซิลิโคนใหม่ 
  • ทรงบิด-ไม่เท่ากัน: เหมาะกับการเปลี่ยนซิลิโคนและปรับแก้โพรงหน้าอก 
  • เห็นขอบ/คลื่น: เหมาะกับการย้ายตำแหน่งวางซิลิโคน หรือใช้เทคนิคเสริมไขมันตนเองร่วมด้วย 
  • หย่อนคล้อยหลังมีบุตร/ลดน้ำหนัก: เหมาะกับการเปลี่ยนซิลิโคนร่วมกับการยกกระชับ 

แก้เชิงรุก (Proactive) Vs. รอมีปัญหาค่อยแก้ (Reactive) แบบไหนดีกว่ากัน? 

การตัดสินใจว่าจะ แก้หน้าอก เลย หรือจะรอไปก่อน ขึ้นอยู่กับเป้าหมายและความกังวลของแต่ละบุคคล 

แก้-เสริมใหม่เชิงรุก (Proactive Revision) 

  • เหมาะกับ: ผู้ที่ต้องการอัปเกรดซิลิโคน เช่น เปลี่ยนขนาด เปลี่ยนทรงให้เข้ากับสรีระที่เปลี่ยนไป หรือต้องการสัมผัสที่นิ่มนวล แลดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น และผู้ที่เริ่มสังเกตเห็นความไม่สมส่วนเล็กน้อยและต้องการแก้ไขก่อนที่ปัญหาจะลุกลาม 
  • ข้อดี: สามารถวางแผนการผ่าตัดและเวลาพักฟื้นได้ ลดความเสี่ยงด้านรูปลักษณ์และความมั่นใจที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเวลาสำคัญของชีวิต เช่น งานแต่งงาน หรืออาชีพที่ต้องใช้รูปร่าง รวมไปถึงระยะเวลาการพักฟื้นที่น้อยกว่าผู้ที่มีปัญหาหนัก ๆ แล้วค่อยมาแก้ เพราะถือว่าเป็นการแก้ก่อนจะมีปัญหาหนักนั่นเอง 

รอมีปัญหาค่อยแก้ (Reactive Revision) 

  • เหมาะกับ: ผู้ที่ไม่มีอาการผิดปกติใดๆ พอใจกับรูปทรงปัจจุบัน และผลการตรวจร่างกายยังคงปกติ 
  • ข้อดี: หลีกเลี่ยงการผ่าตัดซ้ำซ้อนโดยไม่จำเป็น แต่ต้องแลกมากับการเฝ้าระวังอาการอย่างใกล้ชิดและไม่ละเลยการตรวจเช็กประจำปี 

การตัดสินใจที่ดีที่สุด: คือการใช้ข้อมูลจากการตรวจร่างกายโดยศัลยแพทย์, ภาพถ่าย, และการทำ Imaging (เช่น อัลตราซาวนด์, แมมโมแกรม หรือ MRI) มาประกอบกัน เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับคุณโดยเฉพาะ 

ปัญหา “หย่อนคล้อย-ตกทรง” หลังเสริมหน้าอกหลายปี ควรทำอย่างไร? 

เป็นเรื่องธรรมชาติที่เมื่อเวลาผ่านไป แรงโน้มถ่วง, อายุที่มากขึ้น, การตั้งครรภ์ หรือน้ำหนักที่เปลี่ยนแปลง จะส่งผลให้ผิวหนังและเนื้อเยื่อเต้านมหย่อนคล้อยลง ทำให้ตำแหน่งของหัวนมและฐานหน้าอกตกลงมา แม้ว่าซิลิโคนจะยังคงรูปอยู่ก็ตาม 

ทางเลือกในการแก้ไขคือการ ผ่าตัดยกกระชับหน้าอก (Breast Lift) เพื่อยกตำแหน่งของเต้านมและหัวนมกลับสู่ตำแหน่งที่สวยงามดังเดิม หรือสำหรับผู้ที่หย่อนคล้อยไม่มากและไม่ต้องการผ่าตัด ก็ยังมีทางเลือกอื่นที่น่าสนใจ 

โปรแกรมยกกระชับหน้าอกเทคนิค SLC เพื่อความเฟิร์มกระชับ อกฟิต 

ที่ SLC.Hospital เข้าใจดีว่าบางครั้งปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัวซิลิโคน แต่อยู่ที่ความกระชับของผิวหนัง เราจึงมี โปรแกรมยกกระชับหน้าอก SLC ซึ่งเป็นทางเลือกที่ไม่ต้องผ่าตัด 

เหมาะกับใครบ้าง? 

  • ผู้ที่มีปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อยระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง 
  • คุณแม่หลังคลอดหรือหลังให้นมบุตร ที่ต้องการฟื้นฟูความกระชับ 
  • ผู้ที่ลดน้ำหนักแล้วหน้าอกขาดความเฟิร์ม 
  • ผู้ที่ต้องการปรับปรุงคุณภาพผิวและยกฐานนมให้ดูสวยงามขึ้น 

คำถามที่พบบ่อย (FAQs) 

Q: เสริมหน้าอกกี่ปีต้องเปลี่ยนซิลิโคนไหม?  

A: ไม่มีกำหนดเวลาตายตัว หากไม่มีอาการผิดปกติและพอใจกับผลลัพธ์ ก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน แต่ควรตรวจเช็กกับแพทย์เป็นประจำทุกปี 

Q: ไม่มีอาการอะไรเลย ต้องตรวจเช็กบ่อยแค่ไหน?  

A: แนะนำให้ตรวจด้วยตนเองเป็นประจำ และเข้าพบศัลยแพทย์เพื่อตรวจร่างกายและทำอัลตราซาวนด์เต้านมอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง 

Q: นมแข็ง/ปวดตึง/รูปทรงเอียง คือพังผืดใช่ไหม แก้ยังไง?  

A: อาการเหล่านี้เป็นสัญญาณของภาวะพังผืดหดรัด ควรเข้าพบศัลยแพทย์เพื่อประเมินระดับความรุนแรงและวางแผนการรักษา ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นการผ่าตัดเลาะพังผืดและอาจต้องเปลี่ยนซิลิโคนใหม่ 

Q: หลังตั้งครรภ์/ให้นม หน้าอกตกมาก ต้องยกกระชับอย่างเดียวหรือเปลี่ยนซิลิโคนด้วย?  

A: ขึ้นอยู่กับความต้องการและสภาพหน้าอกเดิม หากขนาดซิลิโคนยังเหมาะสม อาจทำเพียงยกกระชับ แต่หากต้องการเติมเต็มความอิ่มฟูที่หายไป การเปลี่ยนซิลิโคนร่วมกับการยกกระชับจะให้ผลลัพธ์ที่ต้องการมากที่สุด 

Q: ถ้าหน้าอกหย่อนคล้อย ทำอย่างไรได้บ้าง? 

A: หากรู้สึกว่าทรงหน้าอกเริ่มหย่อนคล้อย ดูไม่สวย สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์ก่อน จากนั้นสามารถเลือกได้ว่า จะยกกระชับหน้าอกพร้อมเปลี่ยนซิลิโคน หรือเลือกใช้อันเดิม รวมไปถึงสามารถเอาซิลิโคนออกได้ ทั้งหมดนี้ ควรอยู่ภายใต้การพิจารณาของแพทย์ด้วย 

จบคำถาม เสริมหน้าอก อยู่ได้กี่ปี ถึงเวลาประเมินหน้าอกของคุณแล้วหรือยัง? 

การดูแลหน้าอกหลังเสริมเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม หากคุณไม่แน่ใจว่าหน้าอกของคุณยังอยู่ในสภาพที่ดีหรือไม่ หรือกำลังเผชิญกับปัญหาที่กังวลใจ อย่าปล่อยทิ้งไว้ อยากเช็กความพร้อมหน้าอกของคุณตอนนี้ไหม? นัดประเมินกับทีมศัลยแพทย์ที่ SLC.Hospital เพื่อรับคำแนะนำส่วนบุคคล พร้อมทำความรู้จักตัวเลือกที่เหมาะกับคุณที่สุด รวมถึงโปรแกรมยกกระชับหน้าอก SLC” ที่จะช่วยคืนความมั่นใจให้คุณอีกครั้ง 

สามารถเข้ามาปรึกษาทีมแพทย์ของ SLC Hospital ได้ตลอด เพื่อความมั่นใจและความสวยในแบบที่คุณต้องการค่ะ  

Tagged : #.